ฟังชื่อดูออกจะน่ากลัวว่าเป็นสายทหาร แต่เปล่าเลยมันเป็นทักษะพื้นฐานที่่มนุษย์ควรจะมีไว้เพื่อหาทางออกและความสำเร็จให้กับตัวเอง สมัยก่อนเราจะได้ยินคำว่ากลยุทธ์เมื่อพูดถึงทางด้านการทหาร แต่ปัจจุบันนี้นักการตลาดก็ต้องวางกลยุทธ์เพื่อดึงลูกค้าเข้าหาสินค้าของตัวเอง แม้กระทั่งบางบ้านหัวหน้าครอบครัวอาจจะวางกลยุทธ์ให้กับสมาชิกในครอบครัวโดยที่เค้าไม่รู้ตัว ซึ่งเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากตัดถนนตรงมาที่บ้านเรา มันย่อมดีกว่าเราต้องเดินบุกป่าฝ่าดงเข้าบ้านเราแน่นอน
การวางแผนกลยุทธ์นั้นเท่าที่จำได้ลางๆเป็นการคิดแบบองค์รวม(Holistic thinking) โดยใช้การคิดอย่างเป็นระบบ (Systematic thinking) ซึ่งก็คือการคิดอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อที่จะได้ความเป็นองค์รวมอย่างครบถ้วน ซึ่งส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญคือ SWOT

แต่ในวันนี้ที่อยากพูดถึงจริงๆเป็นแค่ส่วนย่อยในการวางแผนกลยุทธ์ ซึ่งก็คือการทำSWOT (อยากรู้ว่ามันคืออะไร ไปหาในgoogle ได้เยอะแยะครับ) เพราะผมเริ่มสังเกตเห็นมาตรการณ์ของทหารที่เข้ามาจัดการกับผู้ชุมนุมที่ค่อนข้างนุ่มนวลแต่เด็ดขาด ก็คือการตัดสาธารณูปโภค น้ำ ไฟฟ้า และ โทรศัพท์ รวมทั้งอาหารและน้ำ ผมเองไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน จึงไม่รู้ว่ามันเหมาะสมหรือไม่ ที่ทำแบบนี้ แต่ผมรู้ว่าผู้ชุมนุมมีทางเลือกว่าจะชุมนุมหรืออยู่ต่อ
ผมเริ่มรู้สึกถึงการมีระบบความคิดของรัฐบาลที่จะเข้าสลายการชุมนุม ที่ใช้กลยุทธ์ เดิมเริ่มจากการวิเคราะห์SWOT ของผู้ชุมนุม รวมทั้งตัวรัฐบาลเอง ไม่ใช่แค่เพียงว่าใช้ทรัพยากรและอำนาจที่ตนเองมีอย่งเต็มที่เท่านั้น
ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ท่านนี้ว่าจริงๆแล้วการเขียนSWOTนั้นไม่ง่ายเลย ที่นักเรียนเขียนๆกับถูกๆผิดๆไม่ซับซ้อน แล้วก็ได้Aนั้นยังไม่ยากเท่าไหร่ แต่การเขียนSWOTเพื่อใช้ในธุรกิจ ซึ่งต้องถูกต้องและแม่นยำนั้น ยากมากเพราะจะต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำและทันสมัย เพราะในชิวิตจริงจะผิดพลาดไม่ได้ เพราะคือเงินจริง เวลาจริง ทุกอย่างเป็นของจริง ซึ่งวันนี้ทำให้ผมย้อนคิดว่าSWOTที่รัฐบาลวาดไว้ระหว่างของตัวเองและของผู้ชุมนุมนั้นมันคล้ายๆจะออกมาดี แต่ผมก็ห่วงว่ามันถูกต้องแม่นยำแค่ไหน
สุดท้ายSWOTก็เหมือนอาวุธอย่างหนึ่ง มันไม่รู้ว่าอยู่ในมือใคร ใครกำลังใช้มัน แต่มันจะมีประโยชน์ที่สุดกับคนที่คิดถึงมันครับ
0 comments:
Post a Comment