Content

ทำไมพ่อกับแม่ไม่เคยซื้อรองเท้าบาสเก็ตบอลให้ผม

Wednesday, December 17, 2008
กีฬาบาสเกตบอล แทบจะเป็นกีฬาเดียวที่ผมเล่นตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่น

เหตุผลง่ายๆคือ มีสนามบาสเกตบอลใกล้บ้าน และมีพวกเตะบอลชอบมาแย่งเล่นทำให้ยิ่งไม่ชอบพวกเล่นบอล ก็เลยเล่นแต่บาสเกตบอล เท่าที่จำได้เล่นจริงๆจังๆตั้งแต่ ม.2 โดยหวังว่าจะเ่ล่นในกีฬาสี ซึ่งคัดตัวง่ายมาก ด้วยการยิงจุดโทษ ใครยิ่งเข้าได้เป็นนักกีฬาเลย

บาสเกตบอลสอนผมหลายอย่างจนถึงปัจจุบัน ในช่วงแรกที่หัดเล่นก็คือ จงอยู่ในจุดที่พร้อมจะเล่น อย่าไปยืนอยู่ในมุมอับ มันก็ไม่ต่างกับชีวิตประจำวันเท่าไหร่ อยุ่ในมุมอับมีแต่ถูกลืม แล้วก็หมดประโยชน์ แต่ทุกวันนี้บางครั้งก็อยุ่ในมุมอับ จนหัวหน้าต้องปวดหัว

สิ่งต่อมาที่บาสสอนก็คือ รักษาพื้นที่ของตัวเองไว้ อย่าให้ใครมาแหยม อันนี้คงเข้าใจไม่ยาก

สิ่งต่อมาที่หาได้ยากในคนไทยก็คือ ทีมเวิร์ค คนไทยขาดเรื่องนี้อย่างมาก จึงไม่ไปถึงไหนเท่าไหร่ พวกเรามักปลอบใจตัวเองว่า คนไทยความสามารถเฉพาะตัวเยอะถ้าสู้ตัวต่อตัวไม่แพ้ใคร แต่ไม่เก่งเรื่องทีมเลยสู้เค้าไม่ได้ แต่ผมอยากเถียงว่าเรื่องทีมก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง ถ้าเราไม่พัฒนาส่วนนี้ที่ตัวคนจะไปพัฒนาที่ไหนครับ

คนเก่งไม่จำเป็นต้องเล่นเอง คล้ายๆกับเมื่อกี้ คุณคิดว่าใครสำคัญที่สุดในทีมของนักกีฬาไทย คงต้องเป็ฯผู้เล่นคนใดคนหนึ่งที่เพื่อนๆยกย่อง แต่เปล่าเลยผมกลับมองว่าโค้ชหรือผู้จัดการทีมต้องเก่งกว่าด้วย เพราะเค้าไม่ได้เป็นแค่คนคนเดียว แต่เค้าเป็นทุกคนที่เล่นอยู่และนั่งรอข้างสนาม ภาพนี้หามองได้สำหรับทีมโรงเรียน แต่ทีมตามข้างถนน สวนสาธารณะ ไม่มีหรอกครับ ไม่ต้องไปหา

อันอื่นๆอีกเยอะแยะ แต่ขอตัดมาอันสุดท้าย อันนี้จริงๆไม่ได้มาจากบาสเกตบอล แต่ได้มาจากหนังครับ เค้าบอกทำนองว่า ตัวสำรองจะไม่มีประโยชน์ถ้าไม่พร้อมที่จะเล่น ฟังครั้งแรกแล้วทิ่มเข้าหัวใจเลย เราเป็นตัวสำรองที่้ไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่เลยที่ผ่านมา เลยต้องพยายามทำตัวเองให้พร้อม เราไม่รุ้ว่ามันไหนเราจะมีโอกาสเป็นตัวจริงบ้าง ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมเทียบเท่าตัวจริงอยู่เสมอ

ร่ายซะยาว ยังไม่เกี่ยวกะหัวเรื่องที่จะพูดเลย

อย่างที่บอกผมเลยบาสมานานครับ (แต่ไม่เก่งเท่าไหร่ พอเป็นตัวสำรองได้) ตั้งแต่เริ่มเล่น นักกีฬาทุกคนต้องการอุปกรณ์ดีๆเอาไว้คู่ตัว ผมก็เดินผ่านส่วนของรองเท้ากีฬาอยุ่เสมอ แล้วก็ไปดูว่ารองเท้ามันราคาเท่าไหร่ คู่ไหนสวย คู่ไหนมาใหม่ ตั้งแต่สมัยนั้นราคาเริ่มต้นก็ประมาณพันต้นๆถึงสามพัน(เมื่อสิบปีที่แล้วก็แพงเอาการ) จนปีหนึ่งได้เงินปีใหม่มา ก็เลยไปถอยรองเท้าหุ้มข้อมาคู่หนึ่ง ด้วยความคิดว่ารองเท้าหุ้มข้อและมีระบบีรังแรงกระแทก มันต้องใช้เล่นบาสได้แน่นอน อย่างน้อยๆก็ระดับหนึ่ง ปัจจุบันยิ่งนึกยิ่งขำ รองเท้าที่ซื้อมาคือรองเท้าปีนเขาครับ พื้นหนาๆ(ตอนนั้นกะว่าทนชัวร์เล่นได้นาน) ก็เลยมีรองเท้าบาสคุ่แรกเป็นรองเท้าปีนเขา แล้วที่ขำกว่านั้นคือ ผมไม่ได้คิดว่ารองเท้านั้นเป็นรองเท้าบาสคนเดียวครับ ผมเห็นคนอีกเยอะซื้อรองเท้ารุ่นนั้นมาเล่นบาส

แล้วหลังจากนั้นผมก็จะมองหารองเท้ามือสองมาใส่ ในสมัยแรกๆนั้นรองเท้ามือสองยังดีอยู่ แต่ก็ต้องใช้ประสบการณ์ในการเลือกอยุ่

แต่ทุกครั้งที่ผมเห็นรองเท้าบาสในห้าง ผมก็มักจะนึกว่าอยากจะขอเงินพ่อแม่มาซื้อบ้าง แต่เท่าที่จำได้ยังไม่เคยครับ เพราะพอรู้กำลังทรัพย์และความจำเป็นของมันอยู่ รองเท้าคู่ละสองสามพัน ใส่เล่นหนักๆสามเดือนก็พังแล้ว ใส่รองเท้าธรรมดาก็เก่งได้ แค่รู้สึกว่ามันหล่อกว่าเดิมเท่าั้นั้นเอง แต่ก็ไม่วายคิดทุกครั้งว่าอยากได้ซักคู่

นั่นคือเรื่องสมัยเรียน

ทุกวันนี้ทำงานมาห้าปี ซื้อรองเท้าบาสคุ่แรกในชีวิต ราคาพันต้นๆ หลังลดราคาสี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากนั้นอุบัติเหตุ เล่นบาสไม่ได้มานถึงทุกวันนี้ กรรมจริง

เมื่อไม่นานมานี้ ได้คุยกับแม่ แม่เล่าเรื่องว่าทำแว่นตาหาย หาอยุ่นานด้วยความกระวนกระวาย เพราะแม่บอกว่าราคาแพง ไอ้เราก็นึกถึงราคาแว่นตาโอ๊คเลย์ ราคาสามสี่พัน แล้วแม่ก้เอ่ยออกมาว่า แว่นอันนี้แพงมากเลย ตัดมาตั้งแปดร้อย!!!

คำถามทุกอย่างตั้งแต่ม.1 มาเฉลย ณ วินาทีนั้น ทำไมพ่อกับแม่ไม่เคยถามถึงรองเท้าบาส และถ้าผมขอสักคู่ก็คงพอเดาคำตอบได้

มันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในชีวิตเลย ครับคนหาเงินเค้าบอกว่าแปดร้อยก็แพงมากแล้ว แล้วกะรองเท้าสองสามพัน ใช้แค่เล่นกีฬาเพื่อความหล่อ มันสำคัญนักรึไง

ขอบคุณครับ ที่ทำให้ผมคิดได้และรู้สึกได้ครับ

0 comments:

Post a Comment

Labels

Followers

Powered by Blogger.
My Ping in TotalPing.com